ฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจ

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นําโดย ศ.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิบดีฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจ พร้อมด้วย รศ.ธนา ราษฏร์ภักดี คณะวิศกรรมศาสตร์ และ ผศ.บุศรา เจริญวัตน์ คณะแพทยศาสตร์ ส่งมอบนวัตกรรมทางการแพทย์ ให้แก่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน โดยมี รศ.นพ.อภิชาติ จิระวุฒิพงศ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ พร้อมด้วยคณะทำงาน บุคลากรทางการแพทย์ ร่วมรับมอบในพิธี ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าว ประกอบด้วย

1.เครื่องอุ่นสารละลายทางหลอดเลือดดำชนิดสวมขวดสารละลาย (Intravenous warmer bag) จำนวน 1 เครื่อง

2.เครื่องตรวจวัด ติดตามและเฝ้าระวังระดับความดันบอลลูนของท่อช่วยหายใจ จำนวน 1 เครื่อง

3.หมอนรองศีรษะจัดตำแหน่งสำหรับผู้ป่วยผ่าตัดตัดต่อหลอดลม จำนวน 1 ชิ้น

4.กล่องครอบกันละอองพร้อมระบบบำบัดอากาศเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของหัตถการส่องกล้องทางเดินอาหารในผู้ป่วยเด็กระหว่างการระบาดของโรคโควิด-19 จำนวน 1 กล่อง

5.เสาน้ำเกลือ ให้พลังงานไฟฟ้าแบบเอนกประสงค์สำหรับรองรับอุปกรณ์การแพทย์แบบหลากหลาย จำนวน 1 ชิ้น

ศ.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิบดีฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจ

ศ.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิบดีฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีนโยบายผลักดันนวัตกรรมทางการแพทย์อย่างเต็มที่ โดยมุ่งเน้นให้สามารถนําไปใช้งานจริงและขยายผลสู่เชิงพาณิชย์และสังคม ซึ่งนวัตกรรมที่นำมามอบในครั้งนี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในมหาวิทยาลัยซึ่งแนวความคิดเป็นการพัฒนาการใช้เครื่องมือแพทย์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง และเป็นการยกระดับสำหรับการผลิตนวัตกรรมในโรงงานที่มีมาตรฐานเพื่อให้เกิดความไว้ใจของผู้ใช้บริการ และขยายตัวสู่วงกว้าง เพื่อนำไปสู่การต่อยอดนวัตกรรมเชิงพาณิชย์หรือนวัตกรรมเพื่อสังคม

ศ.นพ.อภิชาติ จิระวุฒิพงศ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์

รศ.นพ.อภิชาติ จิระวุฒิพงศ์ เปิดเผยว่า ความสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ปัญหาการใช้งานของเครื่องมือแพทย์เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้ผู้ป่วย การเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม และการเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ได้มาตรฐานที่ผลิตและคิดค้นในประเทศไทย นอกจากนี้ยังกล่าวถึงโอกาสในการพัฒนา Innovation Ecosystem ในอนาคตข้างหน้าเพื่อผลักดันให้นักวิจัยพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ที่สามารถนำไปขยายผลและต่อยอด ไปสู่การใช้เชิงพาณิชย์และสังคม

มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้สนับสนุนงานวิจัยด้านนวัตกรรมทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง และจะเป็นรากฐานสําคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ของไทยในอนาคต ซึ่งจะทําให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ระดับโลกได้ในอนาคต